วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

                        ใครที่เบื่อกินทอดมันแบบเดิม ๆ ลองมาดูไอเดียการทำทอดมันแบบใหม่ที่น่ากินกว่า โดยดัดแปลงด้วยการใส่กุ้งแล้วจับไปพันกับต้นตะไคร้ได้กลิ่นหอม ๆ ราดหน้าด้วยกะทิ แต่งให้คล้าย ๆ กับห่อหมก จาก คุณเนินน้ำ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ออกมาดูดี น่ากินทีเดียวเชียว

    

สิ่งที่ต้องเตรียม
          เนื้อปลาอินทรี
          กุ้งสด
          พริกแกงแดง
          ไข่
          ถั่วฝักยาว
          ใบมะกรูด
          ใบโหระพา
          น้ำปลา
          น้ำตาลทราย
          ตะไคร้
          พริกชี้ฟ้าแดง
          กะทิ
          แป้งข้าวเจ้า

ส่วนผสม น้ำจิ้มอาจาด
          น้ำส้มสายชู
          น้ำตาลทราย
          เกลือ
          แตงกวา
          หอมแดง
        พริกชี้ฟ้าแดง

         วิธีทำ 
          1. สำหรับผู้ที่จะทำทอดมันเอง โขลกหรือปั่นเนื้อปลากับน้ำพริกแกงให้เหนียว จากนั้นใส่ไข่ไก่ ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำตาลทราย ใส่ถั่วฝักยาวซอย ใบโหระพา และใบมะกรูด แล้วลองเอาไปทอดชิมรสดูก่อนก็ได้นะคะ เรามีแบบสำเร็จรูปมาเลยนะคะ  แต่เอามาเพิ่มใบมะกรูดอีกหน่อยนึง
         2. เดอะแก๊งบอกว่าเราเป็นเจ้าแม่กุ้ง เพราะฉะนั้นใส่กุ้งลงไปด้วย กุ้งตัวใหญ่เลยผ่าครึ่งตามยาว แล้วนวดให้เข้ากัน
         3. จากนั้นก็นำมาพันตะไคร้ อย่าหนามากเดี๋ยวจะทอดสุกยาก
          4. ต่อจากนั้นก็นำลงทอดในกระทะที่มีน้ำมันร้อน ทอดด้วยไฟปานกลางจนสุกดี อย่าใช้ไฟแรง เดี๋ยวจะไหม้ก่อนที่ข้างในจะสุก 
        5. ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน เราปั้นหนาแล้วกลัวไม่สุกเลยทอดนานสีเลยเข้มไปหน่อย
          6. จากนั้นก็จัดใส่จาน หยอดหน้าด้วยกะทิ โรยพริกชี้ฟ้าแดง เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มอาจาด อร่อยดี เวลาทานได้กลิ่นหอมตะไคร้ด้วยค่ะ

          นอกจากจะทำออกมาเป็นเมนูใหม่ที่น่ากินกว่าเดิมแล้ว ยังได้รสชาติแปลกใหม่ ได้กลิ่นกอมของตะไคร้อีกด้วย ลองทำกันดูนะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก  http://cooking.kapook.com/

                         สะตอ ผักพื้นบ้านของชาวปักษ์ใต้กับกลิ่นฉุนอันเป็นเอกลักษณ์ แต่ก็เป็นที่นิยมนำมาประกอบอาหาร หรือจะรับประทานสดคู่กับอาหารต่าง ๆ ก็อร่อย วันนี้เราขอนำเสนอเมนูอาหารปักษ์ใต้สุดอร่อยกับสูตรผัดกะปิสะตอกุ้งสดยอดนิยมมาฝากให้ได้ลองทำรับประทานกันดูนะคะ


                     

สิ่งที่ต้องเตรียม

           น้ำพริกแกงที่โขลกเตรียมไว้ 4 ช้อนโต๊ะ
           นำมันพืชสำหรับผัด
           กุ้งสดปอกเปลือกผ่าหลัง 100 กรัม
           หมูสับ 100 กรัม
           น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
           น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
           สะตอ แกะเปลือก 100 กรัม
 วิธีทำ
  1. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ ใส่น้ำพริกแกงลงผัดจนหอม ใส่หมูสับ และกุ้งลงผัดจนสุก ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ และน้ำปลา
  2. ใส่สะตอลงผัดจนสุก ตักใส่จาน พร้อมรับประทาน
  3. สิ่งที่ต้องเตรียม (น้ำพริกแกง)
  4. กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ
  5.  หอมแดง 2 หัว
  6.    กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ
  7.  กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
  8. พริกขี้หนู 10-15 เม็ด

 วิธีทำ
 โขลกกระเทียมกับหอมแดง และกุ้งแห้งจนละเอียด จากนั้นใส่กะปิ และพริกขี้หนูลงโขลกให้เข้ากัน เตรียมไว้

ถึงสะตอจะเหม็นเขียวไปสักนิดแต่ถ้าได้ลองรับประทานผัดสะตอกุ้งสดจานนี้กับข้าวสวยเข้าไปแล้วล่ะก็ คุณจะลืมความเหม็นเขียวคงเหลือไว้แต่ความอร่อยเลยล่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://cooking.kapook.com/


          ถ้าพูดถึงแกงรัญจวนวัยรุ่นยุคใหม่หลายคนคงนึกไม่ออกว่าคือแกงอะไร แต่แกงหอม ๆ ถ้วยนี้เป็นอาหารไทยตำรับชาววังโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 โน่นเลย เป็นแกงที่นำน้ำพริกกะปิเหลือ ๆ มาดัดแปลง เติมนั่นนิดนู่นหน่อยจนกลายเป็นแกงไทยหอม ๆ ส่งกลิ่นรัญจวนไปทั่วสมชื่อนั่นเอง ลองไปดูสูตร และวิธีการทำแกงรัญจวน กันดีกว่าว่าเป็นอย่างไรบ้าง



ส่วนผสม (สำหรับ 2-3 ที่)
          น้ำพริกกะปิปรุงรสชาติตามชอบ 3-4 ช้อนโต๊ะ
           น้ำซุปกระดูกหมู 2-3 ถ้วย
           หอมแดงแขกทุบ 3 หัว
           ตะไคร้ทุบและหั่น 4 ชิ้น
           กระทียมทุบ 3 กลีบ
           ใบโหระพา 1 กำมือ
           น้ำมะนาว  1 ลูก
           เนื้อหมูสันคอหั่นชิ้นบาง เนื้ออกไก่ หั่นเส้นยาว และกุ้งสด น้ำหนักรวมกัน 250 กรัม

วิธีทำ
          1. เทน้ำซุปลงหม้อตั้งไฟปานกลาง พอน้ำเริ่มเดือดใส่น้ำพริกกะปิลงไปละลายให้เข้ากัน จากนั้นใส่หอมแดง ตะไคร้ กระเทียม และพริกขี้หนูสวน ตามลงไปต้มประมาณ 3-5 นาที
          2. พอส่วนผสมเริ่มส่งกลิ่นหอม ให้ปรุงรสด้วยน้ำตาลมะพร้าว หากชิมน้ำแกงแล้วยังเค็มไม่ได้ใจ (สามารถใส่เกลือทะเลลงไปได้ตามชอบ) จากนั้นนำเนื้อหมู เนื้อไก่ ที่เตรียมไว้ใส่ลงไปต้ม กุ้งสดให้ใส่ท้ายสุด เพราะสุกเร็ว
          3. สุดท้ายบีบมะนาวลงไปเล็กน้อย หากอยากได้รสเปรี้ยว แล้วจึงใส่ใบโหระพาตามลงไป เป็นอันเสร็จ ตักใส่ชาม ก่อนเสิร์ฟโรยด้วยตะไคร้เสิร์ฟร้อน ๆ พร้อมกับข้าวหุงสุก

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://cooking.kapook.com/

วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

อาหารไทยจำพวกเครื่องจิ้ม หรือน้ำพริกก็เป็นอาหารอีกอย่างที่มีเสน่ห์เอามาก ๆ เรามักจะเห็นเครื่องจิ้มอยู่คู่กับสำรับกับข้าวคนไทยมาช้านาน กินคู่กับผักสดและเครื่องเคราต่าง ๆ อร่อยอย่าบอกใคร และยังมีเครื่องจิ้มอีกหนึ่งอย่างที่หลาย ๆ คนชอบกินนั่นก็คือ เต้าเจี้ยวหลนกลิ่นหอม ๆ วันนี้เราเลยมีสูตรเต้าเจี้ยวหลนสูตรโบราณจาก คุณเนรัญชลา สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มาฝาก เป็นสูตรโบราณที่ต้องลิ้มลอง ลงมือกันเลย


สิ่งที่ต้องเตรียม
          เต้าเจี้ยวขาว 300 กรัม
          หมูสับ 200 กรัม
          กุ้งสับ 100 กรัม
          หัวหอมแดง 250 กรัม
          พริกชี้ฟ้าเขียว-แดง 120 กรัม
         หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
          หางกะทิ 3 ถ้วยตวง
         ไข่ไก่หรือไข่เป็ด 1 ฟอง
          น้ำตาลปี๊บ
          มะขามเปียก
          เกลือป่น

วิธีทำ
1.นำเต้าเจี้ยวไปล้างน้ำทำความสะอาด 2 ครั้ง เสร็จแล้วกรองด้วยกระชอนให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นจึงนำไปโขลกจนละเอียด
2.  ปอกเปลือกหอมแดงแล้วล้างให้สะอาด จากนั้นจึงซอยหยาบ ๆ
 3.ส่วนพริกชี้ฟ้าล้างน้ำแล้วหั่นให้เป็นท่อน
4. คั้นน้ำมะขามเปียกให้ข้น ๆ กรองด้วยกระชอน พักไว้
 5.นำหางกะทิใส่หม้อ นำขึ้นตั้งไฟ พอเดือดจึงเอาเต้าเจี้ยวโขลกลงละลาย
 พอเดือดจึงใส่หมูสับและกุ้งสับลงไป
 ตามด้วยพริกชี้ฟ้าหั่นท่อน และหอมแดงซอย
6.ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ และเกลือป่น ชิมรสให้ออกเค็มหวานพอดี มีรสเปรี้ยวตัดเล็กน้อย (บางสูตรอาจจะไม่ใส่ส้มมะขาม)
ตีไข่ไก่พอแตก แล้วเทลงไปในหม้อ คนเร็ว ๆ พอเดือด จากนั้นจึงใส่หัวกะทิส่วนที่เหลือลงไป รอเดือดอีกครั้งก็ใช้ได้

      แค่นี้ก็ได้เต้าเจี้ยวหลนสูตรโบราณไว้กินแล้ว แหม เห็นแล้วหิวเลย

ขอขอบคุณข้อมูล  http://cooking.kapook.com/
ปลาทูต้มหวานทำง่าย เก็บไว้กินได้นาน เพราะว่ายิ่งอุ่น ยิ่งเคี่ยว ยิ่งนานก็ยิ่งอร่อย เพราะน้ำจะซึมเข้าตัวปลา ก้างปลาจะนิ่ม กินง่าย แค่มีข้าวสวยร้อน ๆ ก็พร้อมกินแล้ว ส่วนวิธีทำก็ไม่ยากอะไรเลย เป็นแค่การต้มไม่ซับซ้อน และหลายขั้นตอน เหมาะสำหรับแม่บ้านยุคใหม่ ไม่ต้องมาคอยเฝ้า พลิกกลับอาหาร หรือต้องคอยคนบ่อย ๆ วัตถุดิบก็ไม่มีอะไรเยอะ ดัดแปลงมา รสชาติใช้ได้ รวม ๆ คล้ายปลาทูต้มอ้อย ปลาทูต้มส้ม แต่นี่เราใส่น้ำตาลปี๊บเยอะหน่อยเลยกลายเป็นปลาทูต้มหวานนั่งเอง รู้อย่างนี้แล้วกด็ลงมือทำกันเลยดีกว่าค่ะ


ที่ต้องเตรียม

           ปลาทูสด 1 กิโลกรัม

          น้ำตาลปี๊บ 2 ขีด

           พริกไทยเม็ด 50 กรัม

           ขิงสด 1 ขีด (หรือ 1 เหง้าก็พอ แต่ถ้าชอบก็เพิ่มได้)

           หอมแดง 1 ขีด

           เกลือป่น หยิบมือ

           มะขามเปียก ประมาณ 1 ขีด (หรือน้อยกว่านั้น)

           ตะไคร้ 2 หัว  (ไม่มีไม่ได้ใส่ )

>วิธีทำเครื่องปรุงเอาเท่าที่มี ตามภาพ
           ทุบขิงพอหยาบ พริกไทยบุบพอแตก หอมแดงผ่าซีกหรือใส่ทั้งหัวก็ได้ หากมีตะไคร้ก็ทุบ ๆ แล้วหั่นยาวหน่อย รองไว้ก้นหม้อ ถ้าไม่มีเลยไม่ใส่ก็ได้
           นำปลาทูที่ควักไส้และล้างสะอาดแล้วใส่ลงไป (เรียงไม่สวย ปลาแช่แข็งตัวเล็กไปหน่อยรอบนี้ แถมไม่สด ทำให้ต้มแล้วท้องปลาเละ)
           คั้นน้ำมะขามเปียก กะปริมาณน้ำให้ท่วมตัวปลา เทตามลงไป (ที่ใส่น้ำมะขามเปียก คือตัดรสหวาน จะได้ไม่หวานเลี่ยน รสชาติจะอร่อยมีรสอมเปรี้ยวนิด)
         ยกขึ้นตั้งไฟ รอให้เดือด แล้วหรี่ไฟให้อ่อนสุด แค่ให้น้ำเดือดปุด ๆ พอ ไม่ต้องให้เดือดพล่าน ไม่ต้องปิดฝาหม้อ ไม่ต้องคน รอจนน้ำงวด 
           ใช้เวลาในการเคี่ยวนานหน่อย น้ำและส่วนผสมต่าง ๆ จะซึมเข้าตัวปลาเรื่อย ๆ ลองชิมดูว่า หวานพอใจเราหรือยัง (เติมได้) เค็มหรือจืดไปไหม (เติมได้) ปรุงได้ ไม่ต้องตามสูตรเป๊ะ รสที่ได้จะ หวาน ๆ อมเปรี้ยวนิด ๆ เผ็ดลิ้นแบบกลมกล่อมด้วยขิงและพริกไทย 

          แค่นี้ก็ได้ปลาทูต้มหวานที่อร่อย ๆ แล้ว ยิ่งอุ่นบ่อยยิ่งเข้าเนื้อยิ่งอร่อย

ขอขอบคุณข้อมูล  http://cooking.kapook.com/
           อาหารไทยทางภาคเหนือที่ถือเป็นเมนูยอดนิยมอีกหนึ่งอย่าง นอกเหนือไปจากน้ำพริกหนุ่มกับแคปหมู หรือขนมจีนน้ำเงี้ยวแล้วก็ต้องนี่เลย ข้าวซอยไก่ ดังนั้นจึงอยากจะนำมาให้เเนะนำ  

ข้าวซอยไก่



สิ่งที่ต้องเตรียม (สำหรับเครื่องแกง)

          พริกแห้งเม็ดใหญ่คั่ว 7 เม็ด

           เกลือป่น 1 ช้อนชา

          รากผักชีคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ

          ขิงซอยคั่ว 1/4 ถ้วย

           หอมแดงคั่ว 3/4 ถ้วย

          ขมิ้นซอยคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ

          ชะโกแกะเปลือกใช้เมล็ดคั่วให้หอมแล้วป่น 1 เม็ด
สิ่งที่ต้องเตรียม (สำหรับข้าวซอย)

           
น่องไก่ 3-4 น่อง

           
หางกะทิ 3 ถ้วย

           
เกลือป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ + 1 ช้อนชา

           
หัวกะทิ 1 ถ้วย

           
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ + 1/2 ช้อนโต๊ะ

          
ซีอิ๊วดำ 1/2 ช้อนชา

           
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา

           
น้ำมันพืชสำหรับทอด

           
บะหมี่เหลือง 5 ก้อน (สำหรับทอด 1 ก้อน)

เครื่องเคียง ได้แก่  ผักกาดดองซอย มะนาวหั่นเป็นชิ้น พริกป่นผัดน้ำมัน หอมแดงหั่นชิ้น และผักชีสำหรับตกแต่ง

วิธีทำ
  1. ล้างไก่ให้สะอาด พักทิ้งไว้ในกระชอนให้สะเด็ดน้ำ
  2.   ทำน้ำพริกแกง โดยโขลกพริกแห้งกับเกลือเข้าด้วยกันให้ละเอียด จากนั้นใส่รากผักชี ขิงซอย ขมิ้นซอย และหอมแดง โขลกรวมกันจนละเอียดเข้ากันดี ใส่ชะโก โขลกต่อจนเข้ากัน ตักใส่ถ้วยพักไว้(แต่สูตรนี้เราใช้พริกแกงสำเร็จรูปนะคะ)
  3.    ใส่หางกะทิลงในหม้อ ใส่เกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ ยกขึ้นตั้งไฟกลางจนร้อน จึงใส่ไก่ พอกะทิเดือดลดเป็นไฟอ่อน เคี่ยวให้ไก่สุกนุ่ม และกะทิแตกมันเล็กน้อย เตรียมไว้
  4.   นำกระทะขึ้นตั้งไฟปานกลาง ใส่หัวกะทิ 1/2 ถ้วย ผัดเคี่ยวให้แตกมันเล็กน้อย ใส่น้ำพริกแกงลงผัดให้เข้ากันทั่วและมีกลิ่นหอม  
  5.  จากนั้นตักใส่ในหม้อไก่ที่เคี่ยวไว้ แล้วคนผสมให้เข้ากัน  
  6.  ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซีอี๊วดำ น้ำตาล ใส่หัวกะทิที่เหลือ คนผสมพอทั่ว พอเดือดอีกครั้งปิดไฟ ยกลงจากเตา เตรียมไว้
ใส่น้ำมันลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟปานกลางจนร้อน แบ่งบะหมี่ลงทอดทีละน้อยให้กรอบเหลือง (ประมาณ 1 ก้อน) จากนั้นตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน พักไว้ให้เย็น เก็บใส่ภาชนะปิดฝาให้สนิท

วิธีจัดเสิร์ฟ ให้ลวกบะหมี่ใส่ชาม ตักน่องไก่พร้อมน้ำแกงราดประมาณ 1 ถ้วย โรยหน้าด้วยบะหมี่ทอดกรอบ วางเครื่องเคียง ตกแต่งด้วยใบผักชี พร้อมเสิร์ฟค่ะ (บะหมี่เส้นแบนเราได้มาไม่เหนียวถูกใจเลยขอเลือกบะหมี่เส้นเล็กแทนค่ะ)


ขอขอบคุณข้อมูล http://cooking.kapook.com/